เมื่อร้อยปีเศษมาแล้ว
มาร์โคนี่ได้ส่งสัญญาณวิทยุ เป็นคลื่นแพร่กระจายออกไปในอากาศได้สำเร็จ
หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาเครื่องรับวิทยุ ทั้งแบบเอเอ็ม เอฟเอ็ม ใช้กันทั่วโลก
ต่อมาก็มีการพัฒนาวิธีการส่งสัญญาณโทรทัศน์ ทำให้มีการรับชมข่าวสารผ่านทางระบบทีวี
จนปัจจุบันเกือบทุกบ้านมีวิทยุ โทรทัศน์ กันหมด หลังจากปี ค.ศ. 1990 การประยุกต์ใช้ไฮเปอร์เท็กซ์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เริ่มขึ้น
มีการจัดการข้อมูลข่าวสารไว้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์
ผู้ใช้อยู่บนเครื่องลูกข่ายที่เรียกว่า ไคลแอนต์ มีโปรแกรมเชื่อมโยงที่เรียกว่า
บราวเซอร์ บราวเซอร์ติดต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ด้วยโปรโตคอลมาตรฐาน ที่ชื่อ
เอชทีทีพี http (Hyper Text Transfer Protocol: HTTP) คือโพรโทคอลในระดับชั้นโปรแกรมประยุกต์เพื่อการแจกจ่ายและการทำงานร่วมกันกับสารสนเทศของสื่อผสม
ใช้สำหรับการรับทรัพยากรที่เชื่อมโยงกับภายนอก
ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งเวิลด์ไวด์เว็บ การพัฒนาเอชทีทีพีเป็นการทำงานร่วมกัน การประยุกต์ไฮเปอร์เท็กซ์ได้ขยายวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนกลายเป็นเครือข่ายข้อมูลข่าวสารที่เรียกว่า เวิร์ลไวด์เว็บ
เว็บไซต์ที่ให้บริการสถานีวิทยุและโทรทัศน์บนเครือข่าย
เมื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้น
การใช้งานข้อมูล ข่าวสารเหล่านี้ก็ก้าวเข้าสู่มัลติมีเดีย มีการเก็บข้อมูลรูปภาพ
เสียง และวิดิโอ การเก็บข้อมูลเสียงและวิดิโอในยุคแรกยังเป็นเพียงการเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์
เมื่อเครื่องที่เป็นไคลแอนด์ต้องการใช้ข้อมูล ก็มีการติดต่อมายังเครื่องให้บริการ
การโอนย้ายข้อมูลก็เกิดขึ้น โดยวิธีการคัดลอกแฟ้มเหล่านั้นผ่านเครือข่ายมายังผู้ใช้
เมื่อคัดลอกมาได้ครบจึงเริ่มแสดงผล ลักษณะการใช้งานจึงเป็นวิธีการโอนย้ายไฟล์
มิได้เป็นการส่งกระจายแบบเวลาจริง เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูล
ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น จนสามารถบีบอัดข้อมูลเสียง และ วิดิโอ ให้มีขนาดเล็กลงได้
การบีบอัดข้อมูลให้เหลือน้อย
ทำให้ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายที่มีข้อจำกัดทางด้านปริมาณข้อมูลต่อวินาทีลงไปได้
เพราะหากผู้ใช้ติดต่อเครือข่ายด้วยโมเด็มผ่านสายโทรศัพท์
ปริมาณข้อมูลต่อวินาทีที่รับส่งได้ยังอยู่ในกรอบจำกัด เช่น รับส่งได้สูงสุดเพียง 28.8 กิโลบิตต่อวินาที
เมื่อข้อมูลเสียงหรือวิดิโอได้รับการบีบอัดลงจึงทำให้การสื่อสารผ่านสายไปบนอินเทอร์เน็ตมีความเป็นไปได้มากขึ้น
จนในปัจจุบันการส่งสัญญาณเสียงแบบออนไลน์ ที่เป็นที่นิยมแบบอินเทอร์เน็ตคือ ระบบ
real audio การส่งวิดิโอบนอินเทอร์เน็ตเสมือนการกระจายสัญญาณทีวีบนเครือข่าย
เราเรียกระบบนี้ว่า video live ระบบ real
audio และ video live ประกอบด้วยเครื่องให้บริการที่เรียกว่า
เซิร์ฟเวอร์ เครื่องให้บริการนี้รับสัญญาณเสียงโดยตรงจากแหล่งสัญญาณเสียง เช่น
สัญญาณจากสถานีวิทยุจริง หรือรับสัญญาณวิดิโอจากสถานีส่ง หลังจากนั้นจะแปลงสัญญาณนั้นให้เป็นข้อมูลแบบดิจิตอล
พร้อมทำการบีบอัดให้เล็กลง เพื่อส่งไปยังเครื่องผู้ใช้ เครื่องผู้ใช้จะต้องมีโปรแกรม
real audio player ซึ่งประกอบติดตั้งเข้ากับโปรแกรมบราวเซอร์
เมื่อผู้ใช้ติดต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ ก็จะเปิดช่องสื่อสารระหว่างกัน เครื่องบริการที่เป็นเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อมูลให้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเลิกการติดต่อ
แต่เนื่องจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่มีสภาพแบ่งกันใช้งาน
ไม่สามารถกำหนดคุณภาพของการรับส่งโดยตรงได้
ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรับสัญญาณแบบออนไลน์ต่อเนื่อง ดังนั้นทางเครื่องไคลแอนต์
ซึ่งต้องสร้างบัฟเฟอร์ในหน่วยความจำไว้ เพื่อว่าบางขณะข้อมูลที่ส่งมาขาดหาย
ข้อมูลในบัฟเฟอร์ยังรองรับการใช้งานได้ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อให้สัญญาณต่อเนื่อง โดยปกติหากรับสัญญาณเสียง
จะมีการกำหนดช่องสื่อสารที่ต่อเนื่องขนาด 16 กิโลบิตต่อวินาที
ดังนั้นถ้าช่องสื่อสารจริงมีความจุมากกว่านี้
ก็จะทำให้การรับสัญญาณเสียงที่ต่อเนื่องเหมือนฟังวิทยุได้ ทำนองเดียวกัน
หากรับสัญญาณวิดีโอ ช่องสัญญาณจะต้องมีความจุมากกว่า โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 23-30
กิโลบิตต่อวินาที ถ้าได้ความเร็วสูงกว่านี้ก็จะทำให้ภาพต่อเนื่อง แต่หากได้ความเร็วต่ำกว่านี้ภาพจะขาดเป็นช่วง
ๆ เครื่องให้บริการ real audio และ video live ทุกเครื่องจะมีข้อจำกัดจำนวนเครื่องลูกที่ติดต่อมา
ทั้งนี้เพราะแถบกว้างของช่องสื่อสารมีจำกัด
ผนวกกับขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์ก็จำกัด
สถานีให้บริการที่พบเห็นกันบนเครือข่ายขณะนี้ยังจำกัดจำนวนอยู่ที่ 60-240 สายสัญญาณ
ดังนั้นหากมีผู้นิยมใช้บริการกันมาก
ข้อจำกัดนี้จะต้องได้รับการพัฒนา แต่เนื่องจากการติดตั้งสถานีบริการทำได้ง่าย
จึงเชื่อแน่ว่าจะมีผู้ตั้งสถานีบริการ real audio และ
video live กันมาก การตั้งสถานีจะมีอยู่ในโฮมเพ็จ ทุกโฮมเพ็จสามารถใส่ข้อมูลแบบมัลติมีเดียสำหรับเป็นสื่อไว้ใช้ติดต่อกัน
ร้านค้าอาจมีสถานีวิทยุสำหรับโฆษณาขายสินค้า มีสถานีส่งวิดีโอเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้า
ปัญหาที่สำคัญคือ ความต้องการใช้เครือข่ายจะมากขึ้นอีกมาก
จนทำให้ถนนของข้อมูลข่าวสารไม่สามารถรองรับได้ พัฒนาการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เรียกว่า
Information Highway จึงต้องพัฒนาให้มีปริมาณการรับส่งข้อมูลได้มาก
เชื่อแน่ว่าโครงสร้างพื้นฐานของประเทศกำลังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ระบบวิทยุและทีวีบนเครือข่ายเป็นจริงได้
โครงสร้างการสื่อสารของประเทศหลายโครงการกำลังรองรับอยู่
ข่ายการสื่อสารด้วยแถบกว้างที่สามารถส่งข้อมูลในปริมาณมากคงจะมีให้เห็นในเร็ววันนี้
real audio และ video live เป็นบทพิสูจน์บทเริ่มต้นถึงความเป็นไปได้ในการตั้งสถานีวิทยุ
และโทรทัศน์บนเครือข่าย และจะทำให้มีจำนวนสถานีเหล่านี้เป็นหมื่นเป็นแสนสถานีได้
ที่สำคัญคือ ข่าวสารจะเป็นแบบไร้พรมแดน
ที่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะจะมีผู้ตั้งสถานีบนเครือข่ายกันมาก
Last update : 04/03/1999
ที่มา :http://www.school.net.th/library/snet1/network/it4.htm
การประยุกต์เพื่อให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ปัจจุบันมีผู้ตั้งสถานีวิทยุบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลายร้อยสถานี
ผู้ใช้สามารถเลือกสถานีที่ต้องการและได้ยินเสียงเหมือนการเปิดฟังวิทยุ ขณะเดียวกันก็มีการส่งกระจายภาพวีดิทัศน์บนเครือข่ายด้วย
แต่ปัญหายังอยู่ที่ความเร็วของเครือข่ายที่ยังไม่สามารถรองรับการส่งข้อมูลจำนวนมาก
ทำให้คุณภาพของภาพวีดิทัศน์ยังไม่ดีเท่าที่ควร
ในปัจจุบันการดำเนินชีวิตของมนุษย์ได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะในแต่ละวันทำงานมากเกินไป การติดตามข้อมูลข่าวสารจากสถานีโทรทัศน์ บางครั้งตรงกับช่วงเวลาทำงานก็ไม่อาจทำให้ติดตามข่าวสารนั้นได้ จึงได้เกิดทางเลือกให้ผู้ดำเนินชีวิตได้มีการติดตามเหตุการณ์ได้เหมือนกับบุคคลทั่วไปในเวลาที่ต้องการ นั้นก็คือ การดูรายการวิทยุโทรทัศน์ย้อนหลังโดยผ่านทางการบริการสถานีวิทยุและโทรทัศน์บนเครือข่าย ซึ่งมีวิธีการเข้าใช้อย่างง่าย
สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา หรือ อีทีวี (ETV) เป็นสถานีโทรทัศน์ของศูนย์เทคโนโลยีการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอรายการการศึกษาของ กศน. และรายการเกี่ยวกับการศึกษา ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มีคำขวัญประจำสถานีว่า อีทีวี บ้านหลังใหญ่แห่งการเรียนรู้ในปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทย โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินงานโครงการ ติวเตอร์แชนแนล(ปัจจุบันนี้ชื่อ สติวเดน แชนแนล) เพื่อนำไปสู่การจัดตั้ง สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ภาคโทรทัศน์ระบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยใช้เวลาการดำเนินงานโครงการ 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2555 ด้วยงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท และจะสามารถออกอากาศได้ในปี พ.ศ. 2555 จากภาคพื้นดินในคลื่นความถี่ วีเอชเอฟ(VHF) หรือ ยูเอชเอฟ(UHF) โดยในระยะแรก โครงการติวเตอร์แชนแนล เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552 ระหว่างเวลา 10.00 - 12.00 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย พร้อมกับอีทีวี
ที่มา http://www.etvthai.tv/stream/home.aspx
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น